"เพราะอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่น และมีใจรักในการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นควบคู่กับสายอาชีพที่ตนเองสนใจ" นี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ความสำเร็จของ อนุภัทร ชุณหวิริยะกุล ศิษย์เก่าสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (CE) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ Castrico Co., Ltd. ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป สังกัดทีมพัฒนา ODM ประเทศญี่ปุ่น ผลลัพธ์ที่ได้มาจากการตั้งเป้าหมาย การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และการเลือกเส้นทางการศึกษาที่ตอบโจทย์อนาคตอย่างแท้จริง
“TNI ไม่ได้ให้แค่ความรู้ด้านวิศวกรรม แต่ยังให้โอกาสและประสบการณ์ที่ต่อยอดได้จริงในประเทศญี่ปุ่น”
Q. อะไรคือเหตุผลที่เลือกเรียนที่ TNI
เนื่องจากมีความฝันที่อยากจะลองไปทำงานที่ญี่ปุ่นและอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นควบคู่ไปกับสายอาชีพที่ตนเองสนใจ จึงลองหาข้อมูลของสถาบันต่างๆ ก็พบว่าที่ TNI มีความร่วมมือต่างๆ กับทางญี่ปุ่นเยอะกว่าสถาบันอื่นๆ จึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อที่ TNI ครับ
Q. สิ่งที่ TNI ให้กับเรา
อย่างแรกคือภาษาญี่ปุ่นเลยครับ คิดว่าคงไม่มีสถาบันไหนบรรจุภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชาภาคบังคับของหลักสูตรวิศวกรรมครับ นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องความรูู้ทางด้านวิชาการที่ได้มาเพราะอาจารย์ประจำสาขา และสังคมเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่น่ารักครับ
Q. แรงบันดาลใจที่ทำให้ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มต้นจากสนใจสื่ออนิเมะญี่ปุ่น และได้ดูรายการ ดูให้รู้ของ Thai PBS มาเยอะครับ หลังจากเข้าเรียนที่สถาบันมาสักพัก รู้สึกสนใจในเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่นเป็นผู้พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เลยอยากไปใช้ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น
Q. วิธีการที่ได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น (เพื่อนหรืออาจารย์แนะนำ หรือ สมัครกับ Job Fair)
อาจารย์ส่งอีเมล์สมัครงานของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ ณ ปัจจุบันมาให้ครับ ผมเลยลองสัมภาษณ์ดู รอบแรกผลลัพธ์ที่ออกมาไม่น่าพอใจเท่าไรเพราะผมไม่เก่งภาษา รอบสองผมเลยเตรียมตัวมาเยอะมาก เพื่อให้ทางผู้สัมภาษณ์รู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่น่ารักของผมด้วยเช่นกัน ที่คอยช่วยเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาญี่ปุ่นให้กับผม
Q. เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น
เตรียมเงินครับ ต้องทำงานครบเดือนที่ 2 ก่อนครับถึงจะพอตั้งตัวได้ จำนวนเงินที่ต้องเตรียมในส่วนของค่าตั้งตัวแรกเข้า (ค่าของแรกเข้าที่พัก+ค่าลงทะเบียนต่างๆ) 6 ส่วน กับค่าของกินของใช้ 4 ส่วน รวมแล้วประมาณ 6 หมื่นบาทครับ แล้วก็เปิดบัญชีสำหรับแลกเงินต่างประเทศเอาไว้ครับ เผื่อเหตุฉุกเฉินแล้วเราต้องการการสนับสนุนด้านการเงินจากทางบ้าน พอจบเรื่องเงินแล้วก็เรื่องภาษาญี่ปุ่น เตรียมเท่าที่ทำได้ ข้าม N5 แล้วไปเรียน N3 เลยครับ ตอนเรียนอาจจะยาก แต่ใช้ในชีวิตจริงได้มากกว่าครับ
Q. สิ่งที่เรียนได้นำมาใช้กับงานที่ทำอย่างไรบ้าง
เกือบ 80% เอามาใช้งานได้ครับ ทั้งความรู้พื้นฐานด้านสมองกลฝังตัว การเขียนโปรแกรม ความรู้เรื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งภาษาญี่ปุ่นที่ได้เรียนที่สถาบันด้วยครับ โชคดีหน่อยที่สมัยผมอยู่สถาบัน ผมทำกิจกรรมเยอะพอตัว ทั้งการลงแข่งขันกิจกรรมต่างๆ การทำชมรมหุ่นยนต์ แล้วก็ช่วยงานอาจารย์ในแต่ละรายวิชา ทำให้พื้นฐานความรู้ของผมแน่นนิดหน่อย
Q. อะไรคือความท้าทายในการทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น
เรื่องของภาษาและการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปของเรากลายเป็นเรื่องท้าทายไปโดยปริยายครับ มันเหมือนเราต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกๆ วัน
Q. มีวิธีการจัดการกับความเครียดหรือความกดดันในการทำงานอย่างไร
หาอะไรผ่อนคลายครับ เล่นเกมกับเพื่อนๆ บ้าง (สำหรับคนที่เล่นเกมนะครับ อินเตอร์เน็ตญี่ปุ่นยังพอเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนที่ไทยได้อยู่ครับ) ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่อยู่ญี่ปุ่น หรือไม่ก็ไปเกมเซ็นเตอร์ครับ
Q. โอกาสในการเติบโตในสายงานที่ทำ
สามารถเติบโตได้เรื่อยๆ ครับ แต่ขึ้นอยู่กับองค์กรที่ทำงานด้วย พอเลื่อนตำแหน่งแล้วกลายเป็นว่าเปลี่ยนสายงานจากสายเทคนิค กลายเป็นงานสายบริหารก็มีครับ แต่ที่แน่ๆ คือที่ญี่ปุ่นตอนนี้ขาดแคลนแรงงานสายพัฒนา ODM ครับ
SHARE :